ราฟาแอล วาราน ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ถือว่าอดีตปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น
วารานมีปัญหาเจ็บเข่าอย่างรุนแรงจากเกมแรกที่ลงสนามให้ต้นสังกัดใหม่อย่างโคโม่ ซึ่งเป็นทีมน้องใหม่ กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาลนี้ ในศึก โคปปา อิตาเลีย รอบแรก ที่โคโม่ออกไปเสมอกับซามพ์โดเรีย 1-1 ก่อนแพ้จุดโทษไป 5-4 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเกมนั้นวารานได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่เขาอยู่ในสนามแค่ 23 นาทีก็โดนเปลี่ยนตัวออก
ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดว่านั่นจะเป็นเกมสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของ ราฟาแอล วาราน เพราะเดิมทีคาดว่าเขาน่าจะหายเจ็บกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเดือนมกราคม แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ตัดสินใจเลิกเล่นอย่างเป็นทางการทันที โดยประกาศยืนยันผ่านอินสตาแกรมของตัวเองให้คนทั้งโลกได้รับทราบ
ข้อความอำลาของวารานเผยว่า “พวกเขาว่ากันว่า ทุกสิ่งที่ดีๆ ต้องมีวันถึงจุดจบ”
“ในช่วงอาชีพของผม ผมได้เผชิญกับความท้าทายมากมาย ยกระดับขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แทบทั้งหมดนั้นมันดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันคืออารมณ์ที่เหลือเชื่อ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษ และเป็นความทรงจำที่จะคงอยู่ไปชั่วชีวิต”
“เมื่อนึกถึงช่วงเวลาเหล่านี้ ผมมีความรู้สึกภาคภูมิใจและอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ประกาศเรื่องการเลิกเล่นของผมจากกีฬาที่พวกเราทุกคนรัก”
“ผมยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดของตัวเอง ผมอยากจะทำผลงานให้ได้อย่างแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่ลงไปเล่นเฉยๆ เท่านั้น มันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการฟังเสียงหัวใจและสัญชาตญาณของคุณ”
“ความปรารถนาและความจำเป็น มันคือ 2 สิ่งที่แตกต่างกัน ผมเคยล้มลงและลุกขึ้นเป็นพันๆ ครั้ง และในครั้งนี้ มันคือเวลาที่จะต้องหยุดและแขวนสตั๊ดกับเกมสุดท้ายของผมซึ่งเป็นการคว้าโทรฟี่ที่เวมบลีย์”
“ผมรักที่จะต่อสู้เพื่อตัวผมเอง เพื่อสโมสรของผม ประเทศของผม เพื่อนร่วมทีมของผม และแฟนบอลของทุกทีมที่ผมเคยเล่นให้ จากล็องส์สู่มาดริด สู่แมนเชสเตอร์ และเล่นให้กับทีมชาติของเรา ผมปกป้องทุกๆ ตราสัญลักษณ์ด้วยทุกอย่างที่ผมมี และรักในทุกๆ นาทีของการผจญภัยครั้งนี้”
“การลงเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุดคือประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น มันทดสอบร่างกายและจิตใจคุณในทุกระดับ อารมณ์ร่วมที่เราได้มีประสบการณ์กันมา คุณไม่สามารถไปหาได้จากที่อื่น และในฐานะนักกีฬา เราไม่เคยพึงพอใจ ไม่เคยยอมรับความสำเร็จ นั่นคือธรรมชาติและเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงเรา”
“ผมไม่มีอะไรต้องเสียใจ ผมจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น ผมคว้าชัยชนะมากกว่าที่ผมเคยฝันถึงเสียอีก แต่เหนือกว่าคำชื่นชมและถ้วยรางวัลใดๆ ผมภูมิใจกับการที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมยึดมั่นในจุดยืนที่จริงใจของตัวเอง และพยายามอำลาทุกๆ สถานที่ไปในแบบที่ดีกว่าตอนที่ผมพบมัน ผมหวังว่าผมได้ทำให้พวกคุณทุกคนภูมิใจนะ”
“และแล้ว ชีวิตใหม่นอกสนามก็เริ่มขึ้น ผมจะยังคงอยู่กับโคโม่ต่อไป เพียงแค่ไม่ใช่การต้องใช้สตั๊ดและสนับแข้งอีกแล้ว มันคือบางสิ่งที่ผมจะแชร์ประสบการณ์ให้มากกว่านี้ในเร็วๆ นี้”
“สำหรับตอนนี้ ถึงแฟนบอลของทุกสโมสรที่ผมเคยเล่นให้ ถึงเพื่อนร่วมทีม, โค้ช และสต๊าฟฟ์โค้ชของผม จากก้นบึ้งของหัวใจ ผมขอบคุณสำหรับการทำให้การผจญภัยครั้งนี้มันพิเศษมากขึ้นกว่าที่ผมเคยใฝ่ฝันเอาไว้”
“ขอขอบคุณฟุตบอล ด้วยความรัก จากราฟา”
นั่นคือแถลงการณ์อันยาวเหยียดแต่กินใจ สำหรับนักเตะที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเซนเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดในโลกตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ช่วงพีคที่สุดในอาชีพของวาราน คือสมัยที่เล่นให้ เรอัล มาดริด และเคยพาทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 สมัย เคยคว้าแชมป์ ลา ลีกา 3 ครั้ง และประสบความสำเร็จคว้าโทรฟี่ระดับสโมสรครบทุกรายการสมัยเล่นในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
เขายังเป็นกองหลังตัวหลักของทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ถือเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดของโลกเมื่อ 6 ปีก่อนเลยก็ว่าได้
จากนั้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2021 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ประกาศยืนยันว่าสามารถบรรลุข้อตกลงคว้าตัวปราการหลังระดับเวิลด์คลาสรายนี้จาก เรอัล มาดริด ได้สำเร็จ ซึ่งค่าตัวของวารานตอนย้ายซบปีศาจแดงตามที่สื่อรายงาน เบื้องต้นอยู่ที่ 34 ล้านปอนด์ และมี add-ons อีกมูลค่ารวมกันสูงถึง 8 ล้านปอนด์
การเปิดตัววารานเป็นนักเตะใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2021 เป็นภาพที่หลายคนน่าจะจำกันได้ เจ้าตัวมาในชุดสูทหล่อเต็มยศ เดินถือเสื้อแข่งหมายเลข 19 ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกับที่เขาเคยใส่ตอนเล่นให้ เรอัล มาดริด ซีซั่นแรก มาโชว์ต่อหน้าแฟนบอลเต็มสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2021-22 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่มลีดส์ 5-1
ในวันนั้นวารานได้รับการปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบรรดา เร้ด อาร์มี่ ทั่วสนาม และได้รับการสวมกอดต้อนรับจากอดีตตำนานเซนเตอร์แบ็กของแมนยูอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ในวันนั้นทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับช่อง บีที สปอร์ตส์ มันคือภาพที่ทำให้แฟนผีแดงมองแล้วรู้สึกว่า ในที่สุดทีมรักก็มีเซนเตอร์แบ็กระดับโลกที่ไว้ใจได้มาคุมแนวรับอีกครั้งเสียที
อันที่จริง ราฟาแอล วาราน เกือบได้ย้ายซบ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่สมัยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคุมทีมแล้วด้วยซ้ำ
โดย เซอร์ อเล็กซ์ เคยเผยเรื่องนี้ในหนังสือของตัวเองที่ชื่อว่า Leading ซึ่งวางขายในปี 2015 เอาไว้ว่า เมื่อปี 2011 ป๋าเฟอร์กี้เคยเดินทางด้วยรถไฟจากสถานียูสตันในกรุงลอนดอน ไปที่เมืองลีลล์ ประเทศฝรั่งเศส เพื่อพยายามคว้าตัววารานให้ได้ด้วยตัวเอง
ในตอนนั้น เดวิด กิลล์ ซึ่งยังเป็นประธานสโมสรของยูไนเต็ด กำลังอยู่ในสถานการณ์ดีมากๆ ที่จะปิดดีลคว้าตัววารานซึ่งเป็นกองหลังดาวรุ่งวัย 18 ปีจากล็องส์ได้อยู่แล้วเชียว แต่ว่า ซีเนอดีน ซีดาน ซึ่งตอนนั้นทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ เรอัล มาดริด ทราบเรื่องที่ว่าทีมปีศาจแดงกำลังจะเซ็นสัญญากับวารานก่อน เขาจึงพยายามบอกให้ทีมราชันชุดขาวรีบตัดหน้าคว้าตัวไปอยู่ด้วยให้ได้
สุดท้ายวารานก็เลือกไปค้าแข้งที่มาดริด ตามคำชักชวนจากอดีตตำนานกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งเป็นไอดอลของตัวเอง และทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ ต้องอกหัก
แต่หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ค้าแข้งในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว นานถึง 10 ปีเต็ม และประสบความสำเร็จที่สเปนครบทุกรายการจนอิ่มตัวแล้ว ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 วารานในวัย 28 ปีเลือกตอบรับโอกาสย้ายไปเล่นที่อังกฤษซึงเจ้าตัวรอคอยมานาน ว่าอยากหาความท้าทายในพรีเมียร์ลีกสักครั้งหนึ่งให้ได้
การเซ็นสัญญาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อ 3 ปีก่อน ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย เพราะ เรอัล มาดริด ก็ได้เม็ดเงินจำนวนไม่น้อย และหาตัวแทนชั้นดีไว้แล้ว ด้วยการเซ็นสัญญาคว้าตัว ดาวิด อลาบา จาก บาเยิร์น มิวนิค แบบฟรีๆ
ส่วนตัวของวารานเองที่ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้วกับทีมราชันชุดขาว ก็ได้โอกาสหาความท้าทายใหม่ๆ และได้ค่าจ้างกับต้นสังกัดใหม่สูงถึงสัปดาห์ละ 340,000 ปอนด์ ซึ่งมากกว่าค่าเหนื่อยที่เขาเคยได้รับกับ เรอัล มาดริด ในฐานะตัวหลักเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายนิดๆ ที่กว่าแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้เห็นทีมรักเซ็นสัญญากับ ราฟาแอล วาราน คือตอนที่นักเตะพ้นช่วงพีคของตัวเองไปแล้ว และเป็นตอนที่สโมสรอยู่ในช่วงขาลง ไม่ใช่ช่วงยิ่งใหญ่เหมือนสมัยที่ เซอร์ อเล็กซ์ ยังเป็นผู้จัดการทีม
ราฟาแอล วาราน ประเดิมสนามให้ทีมปีศาจแดงเป็นครั้งแรกในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่บุกชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2021 เกมนั้นวารานเล่นได้อย่างโดดเด่น ช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีต แถมยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ เมสัน กรีนวู้ด กระชากไปซัดมุมแคบเป็นประตูชัย
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็โชคร้ายมีปัญหาบาดเจ็บ ซึ่งช่วงที่วารานพลาดลงสนามเป็นช่วงเวลาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ทำผลงานอย่างย่ำแย่ เขาไม่มีส่วนร่วมกับเกมที่ทีมออกไปแพ้ เลสเตอร์ 4-2, ไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรองในเกมแดงเดือดที่แพ้ลิเวอร์พูลคาบ้าน 0-5, ไม่ได้ลงสนามในเกมที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ คาบ้าน 0-2 และไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองในเกมบุกแพ้วัตฟอร์ด 4-1 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายที่โซลชาร์คุมทีมก่อนโดนไล่ออก
หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีมขัดตาทัพแบบชั่วคราวจนจบฤดูกาล 2021-22 วารานลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกนัดที่รังนิคเป็นคนคุมทีมทั้งหมด 11 นัด ในจำนวนนั้นเขาช่วยให้ทีมชนะได้ 6 นัด เก็บคลีนชีตได้ 3 เกม และเขาสามารถทำประตูแรกในฐานะนักเตะผีแดง ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดบ้านชนะเบรนท์ฟอร์ด 3-0 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022
ฤดูกาลแรกของวารานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าน่าผิดหวัง เพราะทีมจบแค่อันดับ 6 ในลีก ไม่ได้แชมป์รายการอะไรเลย และเสียประตูมากถึง 57 ลูก ซึ่งเป็นสถิติการเสียประตูมากที่สุดของทีมปีศาจแดงในยุคพรีเมียร์ลีก ส่วนตัวของวารานก็มีปัญหาบาดเจ็บออดๆ แอดๆ นั่นคือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในอาชีพของเจ้าตัวก็ว่าได้ เพราะตอนอยู่กับ เรอัล มาดริด เขาไม่เคยต้องเจอกับช่วงเวลาย่ำแย่ขนาดนี้
แต่ไม่มีใครโทษวารานกับผลงานล้มเหลวของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซีซั่นนั้น เพราะเขาได้ลงสนามไม่มากนัก หลายคนโยนความผิดไปที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ฟอร์มหลุดอย่างน่าเกลียดจนกลายเป็นตัวตลกที่โดนแฟนบอลรุมบูลลี่ซะมากกว่า และโทษไปที่ความไม่ชัดเจนของแท็กติกผู้จัดการทีม ที่เป็นต้นเหตุให้นักเตะลงสนามไปทำผลงานได้แย่
บรรดาเด็กผียังเชื่อว่า ขอแค่ ราฟาแอล วาราน ฟิตสมบูรณ์และพร้อมเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง ทีมน่าจะมีเกมรับและผลงานดีขึ้นแน่นอน
ในฤดูกาล 2022-23 แมนฯ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งวารานได้ลงสนามเป็นตัวจริงตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นนัดแรกในเกมแดงเดือดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยจับคู่เซนเตอร์กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และช่วยให้ทีมชนะลิเวอร์พูลไปอย่างสวยหรู 4-0
ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น เทน ฮาก ได้เซ็นสัญญาคว้าตัว ลิซานโดร มาร์ติเนซ กองหลังลูกน้องเก่าจากอาแจ็กซ์เข้ามาร่วมทีม และให้เป็นตัวหลักในแนวรับทันที ทำให้ 2 เกมแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 วารานต้องนั่งสำรองดูเพื่อนไปก่อน เพราะ เทน ฮาก ยังให้โอกาสกัปตันทีมคนเดิมอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นตัวจริงคู่กับเซนเตอร์ร่างเล็กทีมชาติอาร์เจนตินา
แต่ด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินทั้ง 2 นัดแรกที่ เทน ฮาก เริ่มคุมทีมในพรีเมียร์ลีก โดยแพ้ไบรท์ตันคาบ้าน 1-2 และออกไปโดนเบรนท์ฟอร์ดถล่มยับ 4-0 ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนขึ้นในเกมที่ 3 ของซีซั่น เมื่อกุนซือชาวดัตช์เลือกดร็อป แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ฟอร์มหลุดอย่างหนักไปนั่งสำรอง แล้วให้ ราฟาแอล วาราน ลงตัวจริงคู่กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ และเกมนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลได้ 2-1
การจับคู่กันของ “ลิช่า-วาราน” คือส่วนสำคัญช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เทน ฮาก ซีซั่นแรก ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่เก็บคลีนชีตมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 เมื่อทำได้ถึง 17 นัด โดย 10 ครั้งในจำนวนเกมที่ผีแดงไม่เสียประตูคือเกมที่วารานได้ลงตัวจริง
การตัดสินใจเลิกเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสหลังจากแพ้อาร์เจนตินาในช่วงดวลจุดโทษของนัดชิงฟุตบอลโลก 2022 เพื่อหันมาโฟกัสให้สโมสรอย่างเต็มตัวของวาราน ถือว่าได้ใจแฟนบอลปีศาจแดงอย่างมาก และนั่นช่วยให้เขาเสี่ยงเจอปัญหาบาดเจ็บน้อยลง เพราะลดภาระจากทีมชาติไป
นอกจากผลงานในลีกซีซั่น 2022-23 ที่ดีขึ้นจากซีซั่นแรกที่เขาย้ายมาอยู่กับทีมแล้ว วารานยังช่วยให้ทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ มาครองได้ด้วย เขาลงเล่นเต็ม 90 นาทีในเกมนัดชิงที่ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 และทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด หยุดช่วงเวลาร้างโทรฟี่นานถึง 6 ปีลงได้
แต่พอเข้าสู่ฤดูกาล 2023-24 ซึ่งเป็นซีซั่นที่สองของ เอริค เทน ฮาก ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ทีมปีศาจแดงส่อแววว่าจะย่ำแย่มาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น เพราะการเซ็นสัญญานักเตะใหม่หลายคนไม่เป็นไปตามความต้องการของแฟนบอล ทีมมีการจัดโปรแกรมอุ่นเครื่องมากเกินไปจนนักเตะที่กรำศึกหนักในฤดูกาลก่อนหน้าเกิดอาการล้า และพบกับความพ่ายแพ้ในเกมอุ่นเครื่องหลายนัด
เมื่อช่วงปรีซีซั่นปีที่แล้ว ถือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมทีมได้ไม่ดี ทำให้ผลงานเมื่อฤดูกาลเปิดฉากจริงก็ย่ำแย่ตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ท
วารานอาจจะเป็นคนทำประตูชัย ช่วยให้ทีมเปิดบ้านชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2023-24 แต่หลังจากนั้นมา ทีมปีศาจแดงเต็มไปด้วยปัญหาภายในทีมตลอด
การเปลี่ยนผู้รักษาประตูอย่างกะทันหัน แถมกองหลังคนสำคัญที่เล่นร่วมกันบ่อยๆ เมื่อฤดูกาล 2022-23 ทั้ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ ลุค ชอว์ ต่างบาดเจ็บหนัก ต้องพักยาวตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น ทำให้ เอริค เทน ฮาก หาสมดุลในแนวรับไม่เจอ แถมกุนซือชาวดัตช์ยังคิดมากเกินไปในการเลือกนักเตะลงเล่นอีกต่างหาก
แม้ว่าช่วงเดือนกันยายนจนถึงธันวาคม 2023 วารานจะอยู่ในสภาพพร้อมลงสนามโดยไม่มีปัญหาบาดเจ็บ แต่ เทน ฮาก มองว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อยู่ในฟอร์มที่ดีกว่า และเหมาะสมจะยืนเป็นเซนเตอร์ตัวขวาในระบบแบ็กโฟร์มากกว่า ส่วน ราฟาแอล วาราน ในความคิดของ เทน ฮาก ตอนนั้น เขามักจะเล่นไม่ดีถ้าต้องยืนเซนเตอร์ตัวซ้าย ทำให้ต้องกลายเป็นตัวสำรองของ จอนนี่ อีแวนส์ อยู่ช่วงหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ตลอดทั้งฤดูกาล 2023-24 ปัญหากองหลังสลับกันบาดเจ็บต่อเนื่องคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมปีศาจแดงผลงานย่ำแย่ มีแค่ ดิโอโก้ ดาโลต์ เพียงคนเดียวที่ฟิตลงเล่นตลอดทั้งซีซั่น ส่วนคนที่ผลงานดีที่สุดที่เคยช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตในลีกเป็นกอบเป็นกำ ช่วยทีมชนะเกมในบ้านได้เยอะมากในฤดูกาล 2022-23 ทั้ง ลุค ชอว์ และ มาร์ติเนซ ต่างบาดเจ็บจนแทบจะลงช่วยทีมไม่ได้ ส่วนกองหลังคนอื่นๆ นอกจากดาโลต์ ก็เคยมีช่วงต้องหายหน้าไปเป็นเดือนๆ กันหมด
ฤดูกาล 2023-24 เอริค เทน ฮาก ต้องใช้งานแผงแบ็กโฟร์ที่แตกต่างกันมากถึง 33 แบบ และใช้คู่เซนเตอร์แบ็กที่แตกต่างกันถึง 14 คู่ โดยไม่มีแบ็กซ้ายธรรมชาติให้ใช้งานเป็นช่วงเวลายาวนาน นั่นทำให้ทีมขาดสมดุล และเสียประตูไปมากกว่า 80 ลูกรวมทุกรายการ ถือเป็นผลงานเกมรับที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 50 ปีของสโมสร
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ เข้ามาเป็นหนึ่งในเจ้าของร่วม และมีอำนาจบริหารด้านกีฬา ทำให้สโมสรเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ และหนึ่งในเรื่องสำคัญที่เบื้องบนต้องทำเพื่อช่วยในการมีงบประมาณไปจัดการปัญหาส่วนอื่นๆ ก็คือการลดเพดานค่าจ้าง โดยพยายามหาทางปล่อยนักเตะที่ค่าเหนื่อยสูงแต่ไม่คุ้มที่จะรั้งตัวไว้ออกไป
วารานซึ่งรับค่าเหนื่อยสูงถึงสัปดาห์ละ 340,000 ปอนด์ ถือเป็นนักเตะที่ค่าจ้างแพงเป็นอันดับ 2 ของสโมสรเมื่อซีซั่นที่แล้ว เป็นรองแค่คาเซมิโร่ ที่รับค่าจ้างสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์เพียงคนเดียวเท่านั้น จึงกลายเป็นผู้เล่นที่สโมสรพร้อมปล่อยออกจากทีมที่สุด เพราะนักเตะมีปัญหาบาดเจ็บบ่อย แต่ค่าเหนื่อยแพงมาก และสัญญากำลังจะหมดแล้ว
ในรายละเอียดข่าวประกาศการเซ็นสัญญากับ ราฟาแอล วาราน ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2021 ทีมปีศาจแดงระบุว่าวารานจะค้าแข้งกับทีมจนถึงปี 2025 ก่อนที่ความจริงเพิ่งจะมาถูกเปิดเผยเอาในภายหลังว่าจริงๆ แล้ววารานเซ็นสัญญาเบื้องต้นเพียง 3 ปี หรือเล่นให้ทีมจนถึงปี 2024 เท่านั้น ส่วนการค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนถึงปี 2025 ได้ มันจะต้องเป็นกรณีที่เกิดการใช้ออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปีเท่านั้น
ถึงแม้วารานจะเป็นกองหลังฝีเท้าดี แต่การได้ลงสนามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แค่ 95 นัดรวมทุกรายการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัญหาบาดเจ็บบ่อยมาก ไม่เคยมีฤดูกาลไหนได้ลงเล่นถึง 35 นัดรวมทุกรายการเลยสักซีซั่น จึงชัดเจนว่าสโมสรต้องตัดสินใจไม่ใช้ออปชั่นต่อสัญญา ก่อนไปคว้าตัวกองหลังที่หนุ่มแน่นกว่าอย่าง เลนี่ โยโร่ และ มัตไตส์ เดอ ลิคท์ เข้ามาแทนทีหลัง
ในวันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2024 ราฟาแอล วาราน อัดคลิปอำลาแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเผยว่า “มันเป็นช่วงเวลา 2-3 ปีที่ยอดเยี่ยม ที่ได้เล่นเพื่อสโมสรที่พิเศษแห่งนี้ และได้สวมเสื้อตัวนั้น”
“ครั้งแรกที่ผมไปที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฐานะนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด มันบ้ามาก บรรยากาศมันเหลือเชื่อจริงๆ ผมตกหลุมรักสโมสร ตกหลุมรักแฟนบอล คุณต้องเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อเข้าใจว่าสิ่งนี้คือตัวแทนของอะไร”
“สำหรับลูกๆ ของผม ที่นี่คือบ้าน มันจะเป็นสถานที่ที่พิเศษสำหรับผมไปตลอดชีวิต”
และเกมสุดท้ายที่เขาลงรับใช้ทีมปีศาจแดง มันคือเกมที่เขาเล่นได้อย่างแข็งแกร่งโดยได้ลงตัวจริงจับคู่เซนเตอร์กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ และช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ ที่เวมบลีย์ ซึ่งนั่นกลายเป็นแชมป์สุดท้ายในชีวิตของวารานด้วย
ถึงแม้ว่า ราฟาแอล วาราน จะอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่นาน แต่เขาก็ถือว่าเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ทั้ง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ และเขาแสดงความเป็นมืออาชีพ แสดงให้เห็นถึงความภูมิใจที่ได้เล่นให้ทีมปีศาจแดงอยู่ตลอด ทั้งที่ก่อนที่เขาจะย้ายสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลมากกว่านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า
วารานจะต้องเป็นนักเตะที่แฟนผีแดงจดจำด้วยความรักอย่างไม่ต้องสงสัย และชื่อของเขาจะถูกยกให้เป็นหนึ่งในเซนเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดในโลกไปอีกนานอย่างแน่นอน