
คาบ้านเข้าให้แล้วสำหรับ ลิเวอร์พูล กับเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ 14 ก.ย. ซึ่งจู่ๆ ก็โดนทีมอย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บุกมาลูบคมถึง แอนฟิลด์ 1-0
สำคัญกว่าชัยชนะในรอบ 55 ปีที่นี่ของผู้มาเยือน คือการ “พลิกกระดาน” ทำให้ ลิเวอร์พูล ที่อุตส่าห์มาดีๆ ในการเริ่มต้นยุคใหม่ของ อาร์เน่อ ชล็อต ที่ชนะคู่แข่งแบบไม่เสียประตูมาตลอด 3 เกมแรก ถูกมองว่า “ยังไงๆ อยู่นา” ทันที จากการแพ้นัดแรกเข้าให้
ในบางเหตุผลของหลายปัจจัย บางที ข้อเท็จจริงของการวิ่งรอก “รับใช้ชาติ” ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเกม ของบรรดาขุนพลหงส์แดง ทั้ง 11 ตัวจริงและ 3 ตัวสำรอง ด้านล่างนี้ อาจเป็นตัวที่เฉลยให้เห็นกันชัดว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงเล่นไม่ออก และแพ้เกมแรกในที่สุด…
อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เฝ้าเสาให้ บราซิล ครบถ้วน 180 นาที ทั้งเกมชนะ เอกวาดอร์ 1-0 และแพ้ ปารากวัย ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เล่นครบ 180 นาทีกับ สกอตแลนด์ ในรายการ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก นัดแพ้ โปแลนด์ คาบ้าน 2-3 และบุกแพ้ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-2
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ – เล่นครบ 180 นาทีกับ เนเธอร์แลนด์ ใน เนชั่นส์ ลีก เช่นเดียวกัน เกมถล่ม บอสเนียฯ 5-2 และยันเสมอ เยอรมนี 2-2
อิบราฮิมา โกนาเต้ – เตะ 90 นาทีเต็มนัด ฝรั่งเศส แพ้ อิตาลี 1-3 ก่อนได้พักเป็นสำรองไม่ได้ใช้ เกมชนะ เบลเยียม 2-0
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – เล่นครบ 180 นาที (ในตำแหน่งแบ็กขวาของถนัด) กับ อังกฤษ ในการบุกชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 ที่ดับลิน และกลับมาชนะ ฟินแลนด์ 2-0 ที่เวมบลีย์
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – กลับไปลงเล่นในบ้านเกิด เป็นตัวจริงกับ อาร์เจนติน่า ในนัดชนะ ชิลี 3-0 ก่อนถูกเปลี่ยนออกใน 10 นาทีท้าย แล้วต่อมาก็ลงสำรองนาที 64 เกมแพ้ โคลอมเบีย 1-2 (มีรายงานก่อนเกมกับ ฟอเรสต์ ว่าอาจไม่ฟิตพอด้วย)
ไรอัน กราเฟนแบร์ก – เคียงข้างกับ ฟาน ไดค์ คือเล่นครบ 180 นาทีกับ เนเธอร์แลนด์ ใน เนชั่นส์ ลีก ทั้งเกมถล่ม บอสเนียฯ 5-2 และยันเสมอ เยอรมนี 2-2
โดมินิค โซบอสซ์ไล – เล่นครบ 180 นาทีกับ ฮังการี ทั้งที่บุกแพ้ เยอรมนี 0-5 และถัดมาเสมอ บอสเนียฯ 0-0
หลุยส์ ดิอาซ – เล่นครบ 180 นาทีกับ โคลอมเบีย โดยยิงประตูได้ด้วยในเกมบุกเสมอ เปรู 1-1 จากนั้นก็ลงตัวจริงนัดชนะ อาร์เจนติน่า 2-1 ต่อเลย
ดีโอโก้ โชต้า – สำรองท้ายเกม โปรตุเกส 1 นัด (น.88) เกม เนชั่นส์ ลีก ที่ชนะ โครเอเชีย 2-1 แล้วสลับลงตัวจริงเต็มเกม นัดเปิดบ้านทุบ สกอตแลนด์ (ของ โรเบิร์ตสัน) 2-1
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – ในวัยปาไป 32 และยังไม่คิดเลิกเล่นทีมชาติ ซาลาห์ บินยาวๆ ไปลงตัวจริงให้ อียิปต์ 2 นัดรวดใน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา นัดแรกเต็มเกม แมตช์ชนะ บูร์กิน่า ฟาโซ 2-1 นัดสองก็เต็มเกมอีกเหมือนกัน นัดเสมอ กินี-บิสเซา 1-1 พร้อมกับยิงประตูตีเสมอได้ด้วย
11ตัวจริงผ่านศึกหนักมาขั้นนั้น… และไม่เว้นแม้กระทั่งตัวสำรอง!
โคดี้ กัคโป – อีกหนึ่งแข้งดัตช์ที่ลงตัวจริงให้ เนเธอร์แลนด์ ทั้ง 2 นัด เกมแรก (ชนะ บอสเนียฯ 5-2) ได้ถอดไปพักหลังนาที 66 หลังกดไป 1 ตุง เกมสอง (เสมอ เยอรมนี 2-2) อยู่ครบถ้วน 90 นาที ไม่มีเปลี่ยนออก
คอสตาส ซิมิคาส – เล่นครบ 180 นาทีให้ กรีซ ในเกมถลุง ฟินแลนด์ 3-0 ต่อด้วยบุกชนะ ไอร์แลนด์ (ของ ควีวิน เคลเลเฮอร์) 2-0
คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ – เตะครบ 180 นาทีกับ ไอร์แลนด์เหนือ ในเกมชนะ ลักเซมเบิร์ก 2-0 และแพ้ บัลแกเรีย 0-1
ก็เพราะทั้งต้องลงสนามมาเต็มเหนี่ยว ทั้งขึ้นเครื่องเดินทางไกลหลายชั่วโมง บางคนข้ามประเทศ บางคนไปไกลข้ามทวีป ไม่ได้พักได้ผ่อนในตลอด 2 สัปดาห์ก่อนเกม
นี่อาจตีความได้ไหมว่า “ความอ่อนล้า” ล้วนแทรกซึมอยู่ในตัวนักเตะหงส์แดง ทั้งชุดตัวจริงและบางแข้งสำรอง
และยังเป็นจุดสำคัญที่ขัดขวางไม่ให้ฟอร์มการเล่นของพวกเขา เข้าที่เข้าทาง เตะปุ๊บติดปั๊บเหมือนที่เคยเป็นมา แต่กลายเป็นเข็นไม่ขึ้น ฮึดไม่ไหว
จนในที่สุด ความพ่ายแพ้คาบ้านนัดแรกก็มาเยือน อย่างที่ไม่มีใครคาคคิดมาก่อน…